ช่องทางออนไลน์ช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อขายสินค้าได้เป็นอย่างดี  เห็นได้จากแพลตฟอร์มประเภท Marketplace ที่เกิดขึ้นมากมายและมีอัตราการเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งการขายผ่านช่องทางออนไลน์สามารถพลิกแพลงไปได้กับสินค้าและบริการหลากหลายประเภท ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจกาแฟ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ และกำลังสนใจจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดออนไลน์แต่ยังเริ่มต้นไม่ถูก โพสต์นี้มีตัวช่วยสำหรับคุณ

  1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
อย่างแรกที่ต้องแน่ใจคือกลุ่มผู้บริโภคของคุณ เป็นกลุ่มที่เข้าถึงได้ด้วยช่องทางออนไลน์ แม้ในปัจจุบันคนส่วนมากใช้โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ และออนไลน์แทบตลอดเวลา แต่ถ้ากลุ่มลูกค้าเดิมของคุณจริงๆ เป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากนัก ชอบนั่งในร้านหรือร้านของคุณตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกกับการซื้อจากร้านกลับบ้านมากกว่า การขายออนไลน์อาจเป็นเพียงหนึ่งทางเลือกของคุณที่ไม่ต้องทุ่มเทมากก็ได้ และแม้จะเป็นแบบนั้น คุณก็สามารถสร้างกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ใช้ช่องทางออนไลน์ได้เหมือนกัน
  1. ประเมินความสามารถในการบริหารจัดการ
สิ่งที่ตามมาจากการเพิ่มช่องทางการขายคือการบริหารจัดการต้นทุนที่มากขึ้น ขั้นแรกคุณต้องมีหน้าร้านในโลกออนไลน์ให้ผู้บริโภคติดต่อได้ อาจเป็นแฟนเพจ หรือบัญชีอินสตาแกรม ที่สามารถเป็นเจ้าของได้ฟรี และเมื่อสร้างบัญชีในโซเชียลมีเดียที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นแล้ว คุณต้องมีคนคอยดูแลช่องทางนี้ ตรวจเช็คออเดอร์ สื่อสารกับลูกค้า รวมทั้งอาจมีการอัปเดตความเคลื่อนไหวในช่องทางออนไลน์ของทางร้านเอง เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้า รวมทั้งแจ้งโปรโมชั่น ข่าวสารใหม่ๆ จากทางร้านโดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้คนและเวลาในการจัดการ 
  1. ประเมินต้นทุนที่เพิ่มเข้ามา
การขายกาแฟผ่านช่องทางออนไลน์ เหมือนมีต้นทุนไม่มาก แต่ที่จริงมีต้นทุนอื่นเพิ่มเข้ามาอีกหลายอย่าง ตั้งแต่ต้นทุนค่าแพคเกจจิ้งที่แตกต่างไปจากการขายในร้านเพียงอย่างเดียว เพราะกาแฟจากร้านคุณต้องเดินทางไปอีกไกล บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ต้องแข็งแรง พร้อมเดินทาง หรือต้นทุนค่าขนส่งที่ต้องมีเพิ่มเข้ามาแน่นอน  ไม่ว่าคุณจะขายผ่านช่องทางออนไลน์ของคุณเองหรือขายผ่านแพลตฟอร์มอื่นก็ตาม 
  1. เลือกแพลตฟอร์มจัดส่งที่ตอบโจทย์
ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นส่งอาหารมีให้เลือกใช้หลายแอปพลิเคชั่น แต่ละแอปพลิเคชั่นก็มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป วิธีที่จะทราบว่าร้านของคุณเหมาะกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนมากกว่ากัน คือลองสำรวจดูว่าในแอปพลิเคชั่นนั้นๆ มีร้านกาแฟที่เมนูและราคาใกล้เคียงกับร้านของคุณอยู่หรือไม่ ยิ่งมีมากยิ่งหมายความว่าแอปพลิเคชั่นนั้นมีกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่มาก และไม่เสียหายอะไรที่คุณจะเลือกเป็นพาร์ทเนอร์พร้อมกันหลายๆ แอปพลิเคชั่น เพียงแต่ต้องคำนึงถึงต้นทุนค่า GB ที่แต่ละแอปพลิเคชั่นเรียกเก็บไม่เท่ากัน รวมทั้งเงื่อนไขการให้บริการต่างๆ ของแอปพลิเคชั่นเหล่านั้น ลองใช้ดุสักพัก แล้วคุณจะทราบว่าแอปฯ ไหนควรใช้ แอปฯ ไหนควรพอ
  1. ใช้ประโยชน์จาก Marketplace อื่นนอกจาก Food Delivery Application
หลังจากเข้าใจระบบการขายผ่านช่องทางออนไลน์มาได้ระยะหนึ่ง คุณอาจเริ่มขยับขยายการขายให้ได้ผลมากขึ้นด้วยการใช้ช่องทางแบบแอปพลิเคชั่นช็อปปิ้งอื่น อาจจะไม่เอื้อในแง่การขายสินค้าไปที่ผู้บริโภคของคุณโดยตรง แต่คุณอาจใช้ช่องทางเหล่านี้ในการขายดีล คูปอง หรือจับคู่กับพาร์ทเนอร์อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงขายของด้วยกันเป็นแพคเกจก็ได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการจัดการของคุณให้น้อยลง และสามารถขยายเส้นทางการขายให้กว้างขึ้น

แม้การขายกาแฟทางออนไลน์ จะเริ่มจากการปรับตัวให้อยู่รอดในช่วงโควิด แต่เมื่อช่วงโควิดยาวนาน จนการสั่งของกินของใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นกลายเป็นชีวิตวิถีใหม่ ความเคยชินและความสะดวกสบายเหล่านี้ ทำให้การขายผ่านออนไลน์แบบจริงจังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคุณที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟสามารถเริ่มต้นวันนี้เพื่อให้ร้านคุณยืนหนึ่งในโลกออนไลน์ได้เลย